เทคนิคปลูกผักหวานป่า

2 วิธีปลูกผักหวานป่าให้รอดตายและโตไว

เรื่องราวที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นเทคนิคและวิธีการ “การปลูกผักหวานป่า” จากประสปการณ์จริงที่ผมได้ศึกษาหาความรู้และทดลองทำ จนเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเกือบๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็ใช้เวลากว่าสองปีในการลองผิดลองถูก และในปัจจุบันนี้ผมมี “ผักหวานป่า” ที่คาดว่าพร้อมเก็บขายได้ภายในเดือนเมษายนปีหน้า (ปี 2558) ประมาณ 100 ต้น โดยใช้พื้นที่รอบบริเวณบ้านเท่านั้น และตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะปลูกผักหวานป่าให้พร้อมเก็บขายได้ 300 ต้น ภายในสามปีนับจากปีนี้ เพราะผักหวานป่าที่ผมปลูกเพียงแค่อายุ 9 เดือน ก็แตกกิ่งก้านและสูงเลยหัวเข่าแล้ว โดยที่ไม่ต้องรดน้ำและให้ปุ๋ยแต่อย่างใด คือปลูกตามธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ

เหตุจูงใจที่ทำให้หันมาปลูกผักหวานป่า
เป็นที่แน่นอนครับ เพราะทุกคนก่อนที่จะทำอะไรลงไปต้องมีแรงบันดาลใจหรือเหตุจูงใจเสียก่อน เหมือนอย่างผมที่หันมาปลูกผักหวานป่าอย่างจริงจัง ก็ด้วยแรงบันดาลใจในเรื่องของ “ราคาผักหวานป่า” นี่แหละ ที่มีราคาแพงจนแทบไม่อยากจะซื้อกินเลยทีเดียว แถมยังมีสารอาหารต่างๆมากมาย มีรสชาติอร่อยในแบบธรรมชาติ โดยส่วนตัวผมแล้วมองว่า “ผักหวานป่า” น่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจภายในประเทศที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง เพระในแต่ละปีหรือแต่ละฤดูกาลของผักหวานป่า จะมีแม่ค้ามารอรับซื้อถึงที่ เราไม่ต้องเสียเวลาไปเดินขาย เรียกได้ว่ามีเท่าไหร่เขาซื้อหมด ราคาช่วงผักหวานป่าออกใหม่ๆ ก็จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 180-200 บาท และจะลดต่ำลงและทรงตัวอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท (เฉพาะแถวบ้านผมนะ..เด่นไม้ซุงซิตี้ จ.ตาก) ซึ่งเก็บเพียง 1-2 ต้นก็ได้แล้ว คุณคิดดูหากเราปลูกไว้สัก 100 ต้น และทำการดูแลรักษาดีๆ สมมุติคร่าวๆว่าเราเก็บยอดผักหวานป่า 3 ต้น ได้หนึ่งกิโลกรัม หากเราปลูกไว้สัก 100 ต้น เราจะเก็บได้ประมาณ 30 กิโลกรัมต่อวัน หากคิดที่ราคา 50 บาท/กิโลกรัม คิดเป็นเงินก็อยู่ราวๆ 1500 บาทต่อวัน และที่สำคัญช่วงฤดูของการแตกยอดผักหวานป่าตามธรรมชาติจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธุ์-เดือนพฤษภาคม เป็นระยะเวลาประมาณสามเดือน ซึ่งก็ถือว่าเป็นรายได้ที่ค่อนข้างมากเลยทีเดียวครับ สำหรับคนทำเกษตรอย่างผม เอาล่ะทีนี้เรามาเข้าประเด็นหลักๆที่ผมจะนำมาฝากกันดีกว่า สำหรับการปลูกผักหวานป่าของผมจะไม่เพาะเม็ดผักหวานป่าในถุงเพาะชำก่อน คือจะเพาะเม็ดให้งอกประมาณสองข้อมือแล้วปลูกลงดินเลย วิธีการจะเป็นอย่างไรมาดูกันครับ


เริ่มต้นเพาะเมล็ดผักหวานป่า

เริ่มจากเก็บเมล็ดผักหวานป่า โดยเลือกเอาเฉพาะเมล็ดที่สุกมีสีเหลืองจากต้นเท่านั้น จากนั้นก็นำมาล้างเยื่อหุ้มหรือเนื้อส่วนนอกออกให้หมด โดยส่วนตัวผมจะนำมาขัดกับทรายหรือสก็อตไบท์ ขอย้ำนะครับว่า ต้องขัดเอาเนื้อส่วนนอกออกให้หมด เพราะหากเรานำไปเพาะจะทำให้เกิดเชื้อราทำให้เน่าได้ จากนั้นก็นำมาผึ่งกับลมทิ้งไว้ประมาณ 1-2 วันให้แห้ง ไม่ต้องผึ่งแดดเพราะจะทำให้เปอร์เซ็นต์งอกลดลง เสร็จแล้วให้เรานำกระบะเก่าหรือกะละมังที่ชำรุดมาเจาะรูเพื่อทำเป็นกระถางเพาะเมล็ด โดยให้ใส่ทรายหยาบหรือทรายละเอียดผสมกับขี้เถ้าแกลบลงไปประมาณ ¾ ของกระบะเพาะ จากนั้นก็นำเมล็ดผักหวานป่าที่แห้งดีแล้ววางเรียงลงไปไม่ให้ชิดกัน นำทรายส่วนที่เหลือโรยทับให้หนาประมาณครึ่งข้อมือ รดน้ำให้ชุ่ม คลุมด้วยฟางหรือแสลนกรองแสง ตั้งไว้ในที่ร่ม รออีกประมาณ 15 วันเมล็ดผักหวานป่าก็จะเริ่มแทงราออกมาเหมือนถั่วงอก ยาวประมาณสองข้อมือ ก็เตรียมนำไปปลูกได้เลยครับ

2 วิธีในการปลูกผักหวานป่า

วิธีแรก: ปลูกต้นแคนำไปก่อน คือก่อนที่จะผมจะปลูกผักหวานป่าผมจะเตรียมหลุมปลูก รองพื้นด้วยปุ๋ยคอกก่อน จากนั้นก็นำกล้าต้นแคแดงปลูกนำไปก่อน จากนั้นก็นำเมล็ดผักหวานป่าที่เพาะจนงอกยาวประมาณสองข้อมือมาปักลงไปข้างต้นแคที่ปลูกเอาไว้ คลุมด้วยเศษฟาง รดน้ำตามหนึ่งครั้ง เป็นอันเรียบร้อยครับ

วิธีที่สอง: ปลูกพร้อมต้นแค คือนำเมล็ดผักหวานป่าที่เพาะจนงอกได้ที่แล้วปักลงไปที่หลุมปลูกที่เตรียมไว้จากนั้นก็นำเมล็ดแคหรือต้นกล้าแคมาปลูกไว้ข้างๆ ห่างประมาณ 1-2 ข้อมือ คลุมด้วยเศษฟาง รดน้ำตามหนึ่งครั้ง ก็เรียบร้อยครับ

จากประสบการณ์ที่ผมได้ทดลองปลูกผักหวานป่าด้วยสองวิธีทีว่านี้ พบว่า “ผักหวานป่า” มีการเจริญเติบโตเร็วมาก คือใช้เวลาเพียง 8-9 เดือน ต้นผักหวานป่าก็สูงเลย 50 เซนติเมตรไปแล้ว และก็มีผักหวนป่าบางต้นที่ใช้ระยะเวลาปลูกไม่ถึงสองปีก็เก็บยอดได้แล้ว แถมยังมีใบสีเขียวโดยไม่ต้องใส่ปุ๋ยหรือพ่นฮอร์โมนแต่อย่างใด..แต่น่าเสียดายที่ผมถ่ายภาพมาให้ดูไม่ได้ เพราะตอนนี้กล้องเสียอยู่ โอกาสหน้าคงจะได้เห็นภาพแน่นอนครับ


ขอบคุณข้อมูลภาพจาก : google

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปูนขาว/ปูนมาร์ล ทำหน้าที่อะไร?

เลือกฤดูกาลปลูกฟักทองให้ขายได้ราคาแพง

9 อุปกรณ์สำหรับวางระบบน้ำด้วยท่อ Pe ที่คนทำเกษตรควรรู้ไว้