บทความ

6 เทคนิคปลูกฟักทองให้ได้ผลผลิตสูง

รูปภาพ
ปลูกฟักทองให้ได้ผลผลิตสูง     การปลูกฟักทองถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจและสามารถทำได้ในพื้นที่ขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ได้ เป็นพืชที่ชอบน้ำน้อย ไม่ชอบน้ำขัง สามารถให้ผลผลิตในระยะเวลาสั้นๆประมาณ 2-3 เดือน 1.เลือกเมล็ดพันธุ์ฟักทองที่เหมาะสมและเป็นที่ต้องการของตลาด    ในการวางแผนปลูกฟักทองควรเลือกพันธุ์ฟักทองที่มีความเหมาะสมกับสภาพอากาศและสภาพพื้นที่จะเราจะปลูก ควรหาพันธุ์ที่มีความต้านทานต่อโรคและแมลงต่างๆ 2.เตรียมพื้นที่ปลูกให้เหมาะสม (น้ำไม่ท่วมขัง)    พื้นที่เหมาะสมในการปลูกฟักทองควรมีการระบายน้ำที่ดีและมีความอุดมสมบูรณ์ มีการบำรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก และควรมีการรองพื้นหลุมก่อนปลูก 3.มีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ    ในการปลูกฟักทองควรมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ แต่ระวังอย่าให้น้ำขังเพราะอาจส่งผลเสียต่อระบบรากของฟักทองได้ 4.มีการให้ปุ๋ยตามระยะการเจริญเติบโต    ควรมีการให้ปุ๋ยสูตรที่เหมาะสมตามระยะการเจริญเติบโตของฟักทอง ซึ่งในช่วงแรกของการปลูกอาจบำรุงด้วยปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 ตามด้วยปุ๋ยสูตร 8-24-24 ทุก 10 วัน 5.มีการป้องกันและจัดการโรคและแมลงต่างๆ    ควรมีการป้องกันและกำจั

ปุ๋ยหมักทำอย่างไร? ดีอย่างไร? และใช้อย่างไร?

รูปภาพ
       ปุ๋ยหมัก จัดว่าเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตได้จากวัตถุดิบตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของดิน ช่วยเพิ่มธาตุอาหารในดิน และส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้จะพูดถึงการทำปุ๋ยหมัก การใช้ปุ๋ยหมักและประโยชน์ของปุ๋ยหมักพอสังเขป สามารถทำตามได้เลย ดังนี้ครับ การทำปุ๋ยหมัก      ควรเลือกวัตถุดิบที่เหมาะสมสำหรับการผลิตปุ๋ยหมัก เช่น เศษพืชสด มูลสัตว์ เศษอาหาร รำหยาบหรือรำละเอียด รวมถึงเศษวัชพืชต่างๆ ที่หาได้ในสวนของเรา และควรเลือกวัตถุดิบที่สมบูรณ์ปลอดสารพิษ นำมาหั่นหรือสับกองรวมกัน หมักไว้ในที่ร่ม ในถัง หรือในบ่อ รดด้วยน้ำที่ผสมด้วยกากน้ำตาลเพื่อให้เกิดความชื้นพอประมาณ  ผ่านไปประมาณ 6 เดือน เมื่อเห็นว่าย่อยสลายดีแล้วก็สามารถนำไปใช้ได้เลยครับ การใช้ปุ๋ยหมัก 1.ใช้รองพื้นหลุมก่อนปลูก 2.โรยรอบต้นไม้ที่เราปลูก 3.ใช้ผสมปุ๋ยเคมี (เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสีย) ประโยชน์ของปุ๋ยหมัก 1.ช่วยบำรุงสัตว์ในดิน     ปุ๋ยหมักช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการดำรงชีวิตของสัตว์ในดิน เช่น ใส้เดือน เชื้อรา และสัตว์เล็กสัตว์น้อยชนิดต่างๆ ที่อาศัยในดินที่มีส่วนผสมของป

ไม้ผล/ไม้ยืนต้น ตัดแต่งกิ่งอย่างไร? ให้เหมาะสมและสวยงาม

รูปภาพ
          การตัดแต่งกิ่งไม้ผลและไม้ยืนต้นให้เหมาะสมและสวยงาม      สวัสดีมิตรสหายที่รักเกษตรทุกท่านครับ บทความนี้ผมจะมาแชร์วิธีการตัดแต่งกิ่งไม้ผลและไม้ยืนต้น ฉบับเข้าใจง่าย สามารถทำตามได้เลย จากประสบการณ์ตรงของผมเองดังนี้ครับ การตัดแต่งกิ่งไม้ผล      ไม้ผลชนิดต่างๆ เช่น ลำไย , มะม่วง , ทุเรียน , เงาะ , มะขาม , ขนุน และฝรั่งเป็นต้น ผมมักจะใช้ระยะปลูกประมาณ 4 คูณ 4 เมตร จะแต่งทรงพุ่มให้เตี้ยด้วยการตัดยอดออกตั้งแต่ความสูงประมาณ 1 เมตร เพื่อให้ทรงพุ่มกระจายออกด้านข้าง และจะตัดกิ่งกระโดง หรือกิ่งที่ตั้งตรงกลางทรงพุ่มออก กิ่งที่แห้งตาย รวมไปถึงกิ่งที่ชี้ลงดิน ที่ไม่ได้รับแสงแดด กิ่งพวกนี้จะมีใบที่แทบไม่ได้ช่วยสังเคราะห์แสงหรือไม่ได้ช่วยสร้างอาหารให้กับต้นไม้ที่เราปลูก แต่ก็ยังมีธาตุอาหารลำเลียงไปหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา จึงควรตัดออก เพราะไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร การตัดแต่งกิ่งไม้ยืนต้น      ไม้ยืนต้นหรือไม้เศรษฐกิจชนิดต่างๆ เช่น พะยูง , ยางนา , มะค่า , ประดู่ และไม้สัก ผมจะใช้ระยะปลูก 4 คูณ 4 เมตรโดยประมาณเหมือนกับไม้ผลทั่วไป การตัดแต่งกิ่งจะมี 2 ลักษณะคือ 1.ตัดแต่งกิ่งเพ

ต้นไม้ชนิดไหน? ควรและไม่ควรปลูกไว้ใกล้บ้าน

รูปภาพ
     สวัสดีมิตรสหายที่รักในการปลูกป่าทุกท่าน บทความนี้ผมจะมาแนะนำต้นไม้ที่สมควรและไม่สมควรปลูกไว้ใกล้บ้าน ผมสรุปมาให้ฟังดังนี้ครับ ต้นไม้ที่ไม่สมควรปลูกไว้ใกล้บ้าน 1. ไม้เนื้ออ่อนหักล้มง่าย เช่นไม้สัก , ยางพารา , ขนุน , สะเดา , กระถิน , ขี้เหล็ก , มะม่วง , มะยม , ทุเรียน และมะรุม 2. ต้นไม้ที่ปลูกหรือเพาะจากกิ่งตอน ต้นไม้ที่สมควรปลูกไว้ใกล้บ้าน 1. ควรเป็นไม้เนื้อแข็ง เนื้อไม้เหนียวไม่หักล้มง่าย เช่น พะยูงไทย , มะขาม , ไม้เต็ง , ไม้รัง ,  ไม้แดง , ไม้มะค่า , ประดู่ , ตะแบก และต้นตะโก 2. ควรเป็นต้นไม้ที่มีทรงพุ่มให้ร่มเงาได้ดี 3. ควรเป็นต้นไม้ที่ปลูกหรือเพาะจากเมล็ด ** เคล็ดลับ ! ปลูกไม้ยืนต้นใกล้บ้าน **      หากจะปลูกไม้ยืนต้นไว้ใกล้บ้านขอแนะนำว่า ควรปลูกรวมกันเป็นกลุ่ม (ห่างประมาณ 3 เมตร) เพื่อเป็นแนวต้านลม อาจปลูกไผ่เสริมเข้ามาด้วย และที่สำคัญหากจำเป็นต้องปลูกใกล้บ้านหรือมีอยู่แล้วควรตัดยอดไม่ให้สูงเลยหลังคาบ้าน ก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเราได้นะครับ.

6 เคล็ดลับ! ง่ายๆ ทำให้ดินดี โดยไม่ต้องไถพรวน

รูปภาพ
      สวัสดีมิตรสหายที่รักเกษตรทุกท่าน บทความนี้จะมาแนะนำ 6 เคล็ดลับง่ายๆที่จะทำให้ดินปลูกของเราดี ปลูกอะไรก็งาม โดยที่เราไม่ต้องไถพรวน โดยเฉพาะท่านที่ปลูกต้น้ไม้ลงแปลงไปแล้ว แต่อาจจะไม่ได้ไถพรวนหรือไม่ได้ปรับปรุงบำรุงดินก่อน มีวิธีแก้ไขอย่างง่ายๆดังนี้ครับ 1. ไม่เผาเศษวัชพืชในบริเวณแปลงปลูก      ไม่ควรเผาทำลายเศษวัชพืชที่อยู่ในแปลงปลูก เพราะเป็นการทำลายแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในแปลงปลูกของเรานั่นเอง 2. ไม่นำเศษวัชพืชออกจากแปลงปลูก      ไม่ควรนำเศษวัชพืชออกจากแปลง เพราะนั่นคืออินทรีย์วัตถุชั้นดี มีธาตุอาหารที่สะสมอยู่ หากเรานำออกจากแปลงเท่ากับว่านำปุ๋ยหรือธาตุอาหารพืชออกจากแปลงปลูกของเรานั่นเอง 3. ปลูกพืชตระกูลถั่วเป็นไม้พี่เลี้ยง      ควรปลูกพืชตระกูลถั่วเป็นไม้พี่เลี้ยงเพื่อเพิ่มไนโตรเจนในดินเช่น ถั่วชนิดต่างๆ ต้นแค ต้นโสน และต้นกระถินเป็นต้น 4. หว่านปอเทืองหรือถั่วเขียวเป็นปุ๋ยพืชสดบำรุงดิน      ในรอบปีโดยเฉพาะในช่วงต้นฝนควรหว่านปอเทืองหรือถั่วเขียว ตัดกลบเป็นปุ๋ยพืชสดในแปลง 5. เติมอินทรียวัตถุในแปลง (เน้นรอบโคนต้น)      ควรเติมอินทรียวัตถุต่างๆเช่นปุ๋ยคอกห

3 เรื่องที่หลายคนมักเข้าใจผิด! เกี่ยวกับการใช้ปูนขาว

รูปภาพ
            ปูนขาว ( Calcium Hydroxide ) เป็นอีกหนึ่งวัสดุทีใช้ในทางเกษตรมายาวนาน มีลักษณะเป็นผงสีขาวละเอียด เป็นวัสดุที่ได้จากการเผาหินปูน (แคลเซียมคาร์บอเนต)  ผ่านความร้อนสูง กลายเป็นเป็นปูนสุก ปล่อยให้เย็นตัวลงแล้วพรมน้ำให้ชุ่ม ปูนสุกที่ได้ก็จะทำปฏิกิริยากับน้ำได้เป็น แคลเซียมไฮดรอกไซด์ ส่วนที่เป็นผงแห้งได้เป็น ปูนขาว               ซึ่งประโยชน์ของปูนขาวที่ใช้ในทางเกษตรก็มีมากมาย แต่หลายคนก็มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้ปูนขาว หลักๆแล้วที่ผมสรุปได้มี 3 อย่างดังนี้ครับ 1. ปูนขาวปราบเชื้อราฆ่าเชื้อโรคในดินได้      ปูนขาวไม่ใช่สารเคมีที่เป็นอันตรายจึงไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคและเชื้อราได้ แต่จะช่วยปรับสภาพดินโดยเฉพาะดินเปรี้ยวหรือดินที่มีความเป็นกรดให้มีสภาพที่เหมาะสม มีค่า PH (ค่าความเป็นกรดด่าง) ที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตของพืชคือระหว่าง 5.5-6.5 หรือมีความเป็นกรดอ่อนๆ เป็นสภาวะที่พืชสามารถดูดซับดูดซึมธาตุอาหารได้ดี และธาตุอาหารต่างๆก็ปลดปล่อยออกมาได้ดีไม่ว่าจะเป็นธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง รวมไปถึงจุลธาตุ 2. ปูนขาวใช้ปราบแมลงศัตรูพืชได้      ปูนขาวจะมีความเป็นด่าง ( PH ประมาณ 10

4 ประโยชน์หลักๆที่ได้จากขี้เถ้าถ่าน

รูปภาพ
ขี้เถ้า คือเศษที่เหลือจากการเผาฟืน ถ่านเศษไม้ หรือเศษใบไม้   จะมีลักษณะเป็นผงสีขาว เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่ใช้ในทางเกษตรมายาวนาน ประโยชน์หลักๆ ที่ได้จากขี้เถ้าก็คือ 1. ทำให้ดินดี ช่วยลดความเป็นกรดของดิน ช่วยลดความเป็นกรดของดินเพราะมีความเป็นด่าง ช่วยเพิ่มธาตุอาหารในดินเพราะมีธาตุโพแทสเซียม ( K) และซิลิกา ( Silica) และธาตุอาหารอื่นๆ 2. ทำให้พืชโตไว ในขี้เถ้าจะมีธาตุอาหารสำคัญคือโพแทสเซียมที่จะช่วยสังเคราะห์โปรตีน แป้งและน้ำตาล เสริมการเคลื่อนย้ายน้ำตาลไปสู่ผล ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพดี รสชาติอร่อย ในขี้เถ้ายังมีซิลิกา ( Silica) ที่มีส่วนช่วยขยายเซลล์พืช ทำให้ใบหนา ใบใหญ่ โตไว ใบเขียวสด 3. ช่วยขับไล่แมลงศรัตรูพืช เพราะความเป็นด่างของขี้เถ้าหากนำมาละลายน้ำแล้วนำไปฉีดพ่นพืชผักนอกจากจะมีใบเขียว ใบหนาแล้วยังป้องกันแมลงบางชนิดได้โดยเฉพาะเพลี้ย 4. ช่วยป้องกันโรคพืช เนื่องจากขี้เถ้ามีคุณสมบัติเป็นด่างจะช่วยปรับสภาพดิน (โดยเฉพาะดินที่มีความเป็นกรด) ทำให้มีค่า PH ที่เหมาะสมเป็นที่อาศัยของจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียกลุ่มสร้างสรรค์ ซึ่งจะมาแทนที่แบคทีเรียหรือจุลินทรีย์กลุ่มก่อโรค (ทำให้เกิดโรคพ