อาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551
เกษตร
รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม
ปี 2551
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 51
ผลจากการสำรวจเกษตรกรและผู้สนใจ
ที่สนใจในอาชีพเกษตรกรรมทั่วประเทศ พบว่างานเกษตรกรรมที่ทำง่าย ๆ และ
สร้างรายได้เร็วนั้นมักจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ ด้วยเหตุผลว่ามีการลงทุนน้อย, ใช้พื้นที่ไม่มาก, สามารถประกอบเป็นอาชีพเสริมได้, มีการใช้สารเคมีน้อยและที่สำคัญ
ได้เงินเร็ว จากการนำข้อมูลอาชีพเกษตร กรรมต่าง ๆ
ที่น่าสนใจและนำมาเผยแพร่ผ่านทางหน้าเกษตรเดลินิวส์ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ในรอบปี
พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมานั้น มีหลายอาชีพได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ
คุณสมบูรณ์ วงศา เกษตรกร อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
เปลี่ยนอาชีพจากการปลูกมะขามหวาน และมะม่วงมาเริ่มต้นด้วยการปลูกพริกไทยสดเพียง 30
หลัก ผลผลิตดกและขายได้ราคาดีและไม่พบปัญหาทางด้านการตลาด
ปัจจุบันมีรายได้จากการเก็บผลผลิตพริกไทยสดที่ปลูกจำนวน 105
หลักที่มีอายุต้นเฉลี่ย 8 ปีเป็นเงินประมาณ 200,000 บาทต่อปี
สร้างรายได้สูงกว่าไม้ผลที่เคยปลูก มาทุกชนิดและใช้พื้นที่ปลูกไม่มากนัก
พริกไทยสดเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่ให้ผลผลิตเร็วปลูกไปเพียง 14 เดือน
จะเริ่มให้ผลผลิตขายได้บ้างและให้ผลผลิตเต็มที่เมื่อต้นมีอายุได้ 3 ปีขึ้นไป
คุณสมบูรณ์บอกว่าราคาพริกไทยสดจะแพงมากในช่วงปีใหม่ไปจนตลอดฤดูแล้งและมีราคาถูกที่สุด
ในช่วงฤดูฝนเมื่อต้นปี พ.ศ. 2551 ราคาขายพริกไทยสดจากสวนได้ราคาถึงกิโลกรัมละ 150
บาท ในขณะที่เดือนสิงหาคม 2551 ราคาต่ำสุดอยู่ที่กิโลกรัม ละ 50 บาท
คุณกุหลาบ ทรายแก้ว เกษตรกร จ.กำแพงเพชร
ใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการปลูกตะไคร้หยวก ซึ่งมีลำต้นอวบอ้วน
กลิ่นฉุนเล็กน้อยโดยปลูกแซมในสวนฝรั่งแป้นสีทอง
ทำรายได้เสริมให้แก่ครอบครัวได้เป็นอย่างดีและยังได้บอกถึงเทคนิคในการปลูกตะไคร้ที่เกษตรกรส่วนใหญ่มักจะปักต้นตะไคร้ลงตรง
ๆ บริเวณกลางหลุมปลูก ธรรมชาติของต้นตะไคร้จะมีการแตกกอจากตรงกลางหลุม
แล้วขยายกอออกไปหาขอบหลุม เมื่อต้นตะไคร้แก่จะอยู่บริเวณกลางกอ
จะทำให้เราเก็บเกี่ยวตะไคร้ได้ยาก เพราะใบตะไคร้จะบาดมือและแขนคนเก็บ
วิธีปลูกที่ถูกต้องควรจะปักต้นตะไคร้ลงดินให้มีลักษณะเอียง 45 องศา
ปักให้รอบเป็นวงกลมบริเวณขอบหลุมโดยปลูกหลุมละ 4-6 ต้น
คุณกุหลาบบอกว่าราคาขายตะไคร้ จะยืนพื้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 5 บาท และ
ขายได้ราคากิโลกรัมละ 8-10 บาท
ในช่วงฤดูแล้งเดือนมกราคม-เมษายน และช่วงเทศกาลต่าง ๆ
การปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์
นับเป็นอาชีพยอดฮิตในรอบปี
พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา เนื่องจากใช้เนื้อที่น้อย, ให้ผลตอบแทนเร็ว และสามารถใช้แรงงานในครัวเรือน
ได้ คุณพิชัย ลัยนันทน์ เกษตรกร
จ.สุโขทัยมีประสบการณ์ในการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์มานานถึง 8 ปี
ถือเป็นเกษตรกรรายหนึ่งที่เป็นต้นตำรับในการปลูกมะนาวรูปแบบนี้
หลักการสำคัญของการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์คือดินผสมที่ใช้ปลูกจะใช้หน้าดิน 3 ส่วน, ขี้วัวเก่า
1 ส่วนและเปลือกถั่วเขียว 2 ส่วนผสมให้เข้ากัน
(เปลือกถั่วเขียวจะช่วยให้ดินที่ปลูกมีการระบายน้ำที่ดี)
ในการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์สามารถบังคับให้ออกฤดูแล้งได้เหมือนกับที่ลงปลูกในดิน
โดยใช้หลักการในช่วงฝนทิ้งช่วง ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน โดยในช่วงทั้ง 2 เดือนนี้ จะต้องงดการให้น้ำอย่างเด็ดขาด
เมื่อฝนทิ้งช่วงนานประมาณ 10-15 วัน ฉีดกระตุ้นให้ออกดอกจะได้ผลผลิตมะนาวหน้าแล้ง
ออกจำหน่ายได้ในช่วงเดือนมีนาคม- เมษายน ซึ่งมีราคาแพงที่สุด
การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม
แบบคอนโด
เป็นงานทดลอง
และมีสถานีประมงน้ำจืดชัยนาทเป็นผู้ริเริ่มในช่วงที่คุณสนธิพันธ์ ผาสุขดี
เป็นหัวหน้าสถานีฯ เมื่อปี พ.ศ. 2544
จากแนวคิดที่ว่ากุ้งก้ามกรามที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติมักจะชอบอาศัยอยู่ตามซอกหินที่ใช้พื้นที่ไม่มากนักและกุ้งแต่ละตัวจะมีอาณาเขตของตัวเอง
จึงมีการตั้งสมมุติฐานว่าน่าจะนำกุ้งก้ามกรามมาเลี้ยงในขวดพลาสติกได้
เพียงแต่ยึดหลักว่าเลี้ยงใน ระบบปิด
น้ำที่ใช้เลี้ยงจะต้องมีการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ระบบการกรองและการ
หมุนเวียนน้ำจะต้องดีและมีประสิทธิภาพ จากการที่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามในขวดพลาสติกขนาดบรรุจุ
5 ลิตร พบปัญหากุ้งตายเกิดจากพื้นที่แคบเกินไปทำให้กุ้งลอกคราบไม่ได้
เปลี่ยนมาใช้ตู้กระจกขนาดบรรจุ 16-17 ลิตร พบว่าปัญหาเรื่องกุ้งตายหมดไป
แต่ถ้าเกษตรกรคิดจะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ควรจะเลี้ยงในตะกร้าพลาสติก, เลี้ยงในแม่น้ำและสร้างกระชังเลี้ยงจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าและการจัดการเรื่องระบบการหมุนเวียนน้ำ
การเลี้ยงกุ้งแบบคอนโดจะได้กุ้งที่มีขนาดน้ำหนักตัวเฉลี่ย 3-4 ตัวต่อกิโลกรัม
ขายได้ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 600-700 บาท
การเลี้ยงปลาไหลนาในยางรถจักรยานยนต์เก่า
เป็นความพยายามที่จะหาวิธีการเลี้ยงปลาไหลนาด้วยวิธีการเลียนแบบธรรมชาติและเป็นการนำเอาวัสดุเหลือใช้มาก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ผลงานของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีระนอง
หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าปลาไหลทนทานในน้ำที่มีปริมาณออกซิเจนต่ำได้ดีและไม่ชอบสภาพน้ำลึก
ปัจจุบันประชากรปลาไหล
นาที่มีจำหน่ายในท้องตลาดเกือบทั้งหมดจับมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ
แต่ความต้องการในการบริโภคปลาไหลนาของคนไทยมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปลาไหลนาจัดเป็นปลาที่มีปริมาณไขมันต่ำที่สุดชนิดหนึ่ง
คุณวิโรจน์ เทียนขาว เกษตรกรจาก จ.นครสวรรค์
มีอาชีพปลูกกระชายมานานกว่า 20 ปี
และรูปแบบในการปลูกกระชายของคุณวิโรจน์น่าจะเป็นอีกหนึ่งแบบอย่างของการทำการเกษตรแบบพอเพียง
เนื่องจากปลูกแซมในสวนผลไม้
จากที่กระชายทำรายได้รองเปลี่ยนมาเป็นรายได้หลักในปัจจุบัน
และได้ฝากถึงเกษตรกรที่จะปลูกกระชายแซมในสวนผลไม้แนะนำว่าไม่ควรปลูกแซมในสวนมะยงชิดและสวนมะขามหวาน
เนื่องจากต้นกระชายจะยุบตายก่อนที่จะลงหัว แต่ถ้าปลูกในร่มเงาของไม้ผลอื่น ๆ เช่น
ขนุน มะม่วง กล้วยหรือสะเดา การเจริญเติบโต และการลงหัวของกระชายจะดีมาก
มีการคาดการณ์กันว่าในปีหน้า (พ.ศ.2552)
สภาพเศรษฐกิจ ของทั่วโลกจะชะลอตัวลงซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย มีผลทำให้มีการเลิกจ้างแรงงานเป็นจำนวน
มาก ไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนกจนเกินเหตุ และหมดกำลังใจ
เนื่องจากยังมีอาชีพเกษตรกรรมอีกมากมายที่ทำได้ง่าย ๆ และพอเลี้ยงชีพได้
ดังที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นโดยใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ดังคำขวัญของหม่อมเจ้าสิทธิพร
กฤดากร บิดาแห่งวงการเกษตรแผนใหม่ที่ว่า “เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง” หน้าเกษตรเดลินิวส์ขอเป็นกำลังใจให้กับเกษตรกรไทยทุกคนได้ต่อสู้กันต่อไป และใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 30
ธันวาคม 2551
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น