สาระเกษตรดีๆ สู่วิถีพอเพียง

อีกหนึ่งวิธีในการขยายพันธุ์พืชอย่างง่ายๆ ที่ผมจะมาบอกเล่าให้ฟังในบทความนี้ เป็นวิธีการขยายพันธุ์พืชด้วยการเสียบยอด และสิ่งที่ต้องรู้คร่าวๆก็คือการเสียบยอดนิยมใช้กับพืชในตระกูลเดียวกัน แต่คนละสายพันธุ์ อย่างเช่นมะม่วง มะนาว หรือแม้กระทั่งอะโวคาโด้ อธิบายให้เข้าใจก็คือการนำยอดของพืชในตระกูลเดียวกัน แต่คนละสายพันธุ์ มาเสียบไว้กับต้นตอของสายพันธุ์เดิม (สายพันธุ์ที่ไม่ดี) ที่เป็นพืชในตระกูลเดียวกัน เสียยอดอะโวคาโด้ หลักๆที่ควรรู้ก็มี 3 อย่างคือ 1. ยอดพันธุ์ดีต้องไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป 2. ยอดพันธุ์ดีและต้นตอต้องมีขนาดเท่ากันหรือมีขนาดใกล้เคียงกัน 3. รอยแผลต้องสนิทกันทั้งสองด้าน หรือด้านใดด้านหนึ่ง เสียยอดอะโวคาโด้ วิธีการขยายพันธุ์พืชด้วยการเสียบยอด อธิบายให้ฟังคร่าวๆก็คือ 1. ให้เรานำต้นตอที่เตรียมไว้มาตัด (ใต้ตา) แล้วใช้มีดคัตเตอร์ผ่ากลางลงมาประมาณ 1 นิ้ว จากนั้นให้เรานำยอดพันธุ์ดีที่เตรียมไว้มาเฉือนเป็นลิ่ม (ปากฉลาม) ให้พอดีกับรอยผ่าที่ต้นตอ ส่วนปลายยอดที่กำลังผลิยอดอ่อนให้ตัดทิ้ง (เหนือตา) แล้วฉาบด้วยปูนแดงเพื่อกันเชื้อรา เสียยอดอะโวคาโด้ 2. นำย

อีกหนึ่งเคล็ดลับเกษตรดีๆ มีมาบอกเล่าให้ฟังอีกเช่นเคยครับ สำหรับบทความในวันนี้ ขอแนะนำวิธีการเตรียมดินสำหรับปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือข้าวโพดหวาน ให้ได้ผลผลิตมากกว่า 1 ตัน/ไร่ ซึ่งก็เป็นเกล็ดความรู้ที่ผมได้ทดลองทำจริง และได้ผลจริงๆ วิธีการก็ไม่ยากครับ เริ่มจากการเตรียมดินปลูกที่ดี คือต้องมีการเตรียมพื้นที่ด้วยการหว่านปอเทืองทิ้งไว้ประมาณ 50 วันก่อนหยอดเมล็ดพันธุ์ลงแปลง ปอเทืองอายุประมาณ 50 วัน จากนั้นก็ไถกลบเป็นปุ๋ยพืชสด รอไปอีกประมาณ 15 วัน เพื่อให้ปอเทืองย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ย แล้วค่อยหยอดเมล็ดข้าวโพดลงแปลง ไถกลบปอเทือง ในการปลูกข้าวโพด อาจใช้แรงงานคนหรือเครื่องจักรก็ได้ แต่ระยะห่างระหว่างแถวไม่ควรน้อยกว่า 70 เซนติเมตร และที่สำคัญควรหยอดเมล็ดพันธุ์ โดยให้แถวปลูกไปตามแนวทิศตะวันออก - ทิศตะวันตก เพื่อให้พืชได้รับแสงเต็มที่ มีการสังเคราะห์แสง และการผสมเกสรที่ดี ร่องแถวปลูกให้อยู่ตามแนวทิศตะวันออก-ทิศตะวันตก ส่วนปุ๋ยเคมีที่ใช้ก็จะเป็นสูตรแบบประหยัด คือใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ผสมกับปุ๋ยที่เป็นธาตุอาหารรองที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป (กระสอบละประมาณ 400 บาท) อัตราส่วน 1 : 2 ก

มาดูกันครับ วิธีปลูกกล้วยแนวใหม่ แบบไม่ซ้ำใคร คือการปลูกแบบกลับหัว หรือการปลูกแบบเอารากชี้ขึ้นฟ้า ฟังดูแล้วอาจเป็นเรื่องแปลก หลายคนคงไม่เคยได้ยินมาก่อน เรามาดูขั้นตอนกันเลยครับ 1. เลือกหน่อกล้วยที่พร้อมปลูก คือสูงประมาณ 1 เมตรขึ้นไป จากนั้นก็นำมาตัดลำต้นออก (เอาเฉพาะส่วนเหง้า) เหลือไว้ประมาณ 10 เซนติเมตร ตัดหน่อกล้วยยาวประมาณ 10 เซนติเมตร 2. นำหน่อกล้วยที่ตัดแล้วแช่ด้วยน้ำที่หมักด้วยสารเร่งซุปเปอร์พด.3 (น้ำเปล่าประมาณ 30 ลิตร + สารเร่งพด.3 จำนวน 1 ซอง หมักไว้ 1 คืน)  แช่หน่อกล้วยด้วยสารเร่งซุปเปอร์ พด.3 3. ขุดหลุมปลูกให้ลึกกว่าหน่อกล้วยที่ตัดเล็กน้อย จากนั้นก็วางหน่อกล้วยลงไป ในลักษณะหงายรากขึ้น วางหน่อกล้วยลงหลุมปลูก (หงายรากขึ้น) 4. คลุมด้วยเศษฟาง หรือเศษใบไม้แห้ง เสร็จแล้วก็รดน้ำให้ชุ่ม ผ่านไปประมาณ 1 เดือน กล้วยที่ปลูกก็จะเริ่มแทงหน่อขึ้นมาให้เห็น หลังจากนั้นให้นับไปอีกประมาณ 7 เดือน ก็รอเก็บผลผลิตได้เลยครับ หน่อกล้วยเริ่มโผล่ออกมาให้เห็น "ปราชญ์ชาวบ้านหลายท่านยืนยันว่า การปลูกกล้วยด้วยวิธีนี้ จะทำให้ได้ต้นเตี้ย โตไว ติดหวีดก และลูกใหญ่..ยังงัยก

สำหรับบทความเกษตรดีๆในวันนี้ ผมจะมาแนะนำวิธีการขยายพันธุ์มะนาวอย่างง่ายๆ ด้วยการปักชำแบบควบแน่น หรือการอบความชื้น เป็นอีกหนึ่งวิธีในการขยายพันธุ์มะนาวที่เราสามารถทำได้ง่ายๆเพียงสองขั้นตอนดังนี้ครับ ปักชำกิ่งมะนาว 1. ให้เรานำดินที่มีความชื้นมาใส่ในแก้วพลาสติก (ขนาดเท่าแก้วกินน้ำ หรือใหญ่กว่า) จากนั้นก็ตัดยอดมะนาวที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป นำมาแช่น้ำยาเร่งรากทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที  ปักชำกิ่งมะนาว 2. นำกิ่งมะนาวมาเสียบลงไปที่กระบะหรือแก้วพลาสติกที่ใส่ดินเอาไว้แล้ว โดยให้เสียบลึกประมาณ 2 ข้อมือ เสร็จแล้วก็คลุมด้วยถุงพลาสติก รัดด้วยหนังยาง นำไปวางไว้ใต้ร่มไม้ (ให้มีแสงแดดพอรำไร)  ปักชำกิ่งมะนาว ประมาณ 25 วัน ก็จะมีรากสีขาวๆโผล่ออกมาให้เห็น จากนั้นก็ย้ายลงถุงเพาะชำเพื่อให้รากได้เจริญเติบโตเต็มที่ หรือถ้าเห็นว่ามีรากแก่ (เป็นสีน้ำตาล) เต็มที่แล้ว ก็สามารถนำไปปลูกลงแปลงได้เลยครับ.

ขั้นตอนการเพาะเมล็ดผักหวานป่าอย่างง่ายๆ มี 2 วิธีดังนี้ครับ วิธีที่ 1 .นำเมล็ดผักหวานสดมาล้างเยื่อหุ้มเมล็ดออกให้หมด ตากลมไว้ประมาณ 1 คืน จากนั้นให้นำไปห่อด้วยผ้าชุบน้ำพอหมาด ใส่ไว้ในถุงพลาสติก นำไปวางไว้ในที่ร่ม มีแสงแดดพอรำไรประมาณ 15 วันเปิดออกดู เมล็ดผักหวานจะเริ่มแทงรากออกมาให้เห็น วิธีที่ 2 . นำเมล็ดผักหวานสดมาล้างเยื่อหุ้มเมล็ดออกให้หมด นำไปตากลมไว้ประมาณ 1 คืน เช่นกัน จากนั้นให้นำดินที่มีความชื้นประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ใส่กระบะพลาสติก (ไม่ต้องเจาะรู) นำเมล็ดผักหวานที่เตรียมไว้มาปักลงไป โรยกลบด้วยดินบางๆ ห่อกระบะทรายด้วยถุงพลาสติกให้มิดชิดเพื่อเก็บความชื้น นำไปวางไว้ในที่ร่ม มีแสงแดดรำไร ประมาณ 15 วันเปิดออกดู ก็จะเห็นรากผักหวานโผล่ออกมาประมาณ 1 – 2 ข้อมือ นำไปปลูกลงแปลงได้เลยครับ วิธีปลูกอย่างง่ายๆ ส่วนขั้นตอนการปลูกก็ไม่ยาก เพียงเราเตรียมหลุมปลูกให้พร้อม จากนั้นก็ใช้เหล็กแหลม (2 หุน) ปักนำร่องประมาณ 1 ศอก เสร็จแล้วให้นำเมล็ดผักหวานที่งอกเสียบลงไปครึ่งเมล็ด คลุมด้วยเศษฟางหรือเศษใบไม้แห้ง รักษาความชื้นให้สม่ำเสมอก็เป็นอันเรียบร้อยครับ

โรคกล้วยตายพรายเป็นปัญหาของชาวเกษตรกรที่ทำสวนกล้วยมานาน โดยเฉพาะชาวสวนที่ปลูกกล้วยน้ำว้า หรือแม้กระทั่งตัวผมเองก็เคยประสบปัญหานี้เหมือนกัน และก็ได้รับรู้ข้อมูลดีๆจากปราชญ์ชาวบ้านท่านหนึ่ง ที่มีความรู้ทางด้านการทำเกษตรเป็นอย่างดี เป็นเทคนิคดีๆในการป้องกันโรคตายพรายที่จะเกิดกับต้นกล้วยที่เราปลูก ซึ่งท่านได้บอกเอาไว้ว่ากล้วยตายพรายส่วนหนึ่งเกิดจากการปลูกในสภาพดินที่เป็นกรด ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่ยากครับให้เราแก้ด้วยการเติมวัสดุปูนลงไป เช่น ปูนขาว หรือโดโลไมท์ (เพราะวัสดุพวกนี้มีคุณสมบัติเป็นด่าง) เป็นการป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ คือเริ่มป้องกันตั้งแต่เริ่มปลูกเลยครับ ส่วนขั้นตอนก็ไม่ยาก เพียงให้เราเตรียมหลุมปลูกตามปกติ จากนั้นก็โรยปูนขาวหรือโดโลไมท์ประมาณ 1 กำมือให้ทั่วบริเวณหลุมปลูก ทำการคลุกเคล้าผสมให้เข้ากันกับดินในหลุม จากนั้นก็นำหน่อกล้วยที่เตรียมไว้มาปลูกได้เลย เพียงเท่านี้เราก็สามารถป้องกันการลุกลามของโรคตายพรายได้แล้ว แต่สำหรับเรื่องนี้คนเฒ่าคนแก่ในสมัยก่อนท่านบอกว่าให้เอาขี้เถ้าจากเตาไปรองก้นหลุมก่อนปลูกกล้วย ก็จะช่วยป้องกันกล้วยตายพรายได้เช่นกัน โดยส่วนตัวผมคิดว่าขี้เถ้าน่าจะมีความเป

วิธีง่ายๆในการเพาะเมล็ดมะม่วง ให้งอกเร็ว และได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ ขั้นตอนและวิธีการก็ไม่ยากเลยครับ เพียงเรานำมะม่วงสุก (พันธุ์อะไรก็ได้) มาเฉือนเอาเนื้อออก จากนั้นก็นำมาแกะเอาเฉพาะเมล็ดข้างใน เสร็ จ แล้วก็นำไปเพาะลงในถุงเพาะชำ ก็เป็นอันเรียบร้อย แต่ถ้าอ่านบทความนี้แล้ว ยังไม่เข้าใ จ คลิกชมในคลิปวีดีโอด้านล่างนี้ได้เลยครับ

บทความดีๆสำหรับคนทำเกษตรในวันนี้ ขอนำเสนอเป็นคลิปวีดีโอ แนะนำวิธีการตัดแต่งกิ่งผักหวานป่าให้เก็บกิน หรือเก็บขายได้ภายใน 10 วัน เทคนิคส่วนตัวของผมก็คือ จะเริ่มตัดแต่งกิ่งผักหวานป่าและบำรุงต้น ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป เริ่มจากตัดแต่งกิ่งและริดใบออกให้หมด จากนั้นก็ให้น้ำทุก 3 วัน ตามติดด้วยการให้ปุ๋ยทางใบ โดยการฉีดพ่นด้วยน้ำหมักชีวภาพ “สูตรหมักฮอร์โมนไข่” ในช่วงผักหวานป่าเริ่มแทงยอดอ่อน (ประมาณ 3 วันหลังการตัดแต่งกิ่ง) แนะนำให้ฉีดพ่นทุก 7 วัน โดยนำน้ำหมักผสมกับน้ำสะอาดที่ไม่มีคลอรีนอัตราส่วน 2 ช้อนแกง/น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นในช่วงสายๆ เพราะเป็นช่วงที่ปากใบของพืชจะเปิดออกเพื่อรับสารอาหาร ทำให้พืชดูดซับธาตุอาหารที่เราป้อนเข้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รับรองว่าไม่เกิน 10 วัน คุณสามารถเก็บยอดผักหวานอ่อนมารับประทานหรือนำมาขายได้เลยครับ

เมื่อก่อนผมเคยได้ยินหลายๆท่านที่ทำเกษตรบอกเอาไว้ว่านมจืดและน้ำยาล้างจานสามารถใช้แทนสารจับใบได้ ก็เลยเกิดความสงสัยจึงได้หาข้อพิสูจน์และพยายามหาบทสรุปด้วยข้อสงสัยที่ว่า “เรื่องนี้มันจริงหรือ?” หลังจากได้ทดลองพิสูจน์เรื่องนี้ดูจนกระทั่งถึงบางอ้อ จึงขอนำวิธีการที่ผมได้พิสูจน์เรื่องดังกล่าวมาบอกเล่าสู่กันฟัง ก่อนอื่นให้เราเตรียมอุปกรณ์ คือ ให้เตรียมน้ำเปล่าใส่แก้ว 3 ใบ น้ำยาล้างจาน 1-2 ช้อน (ใส่แก้ว) นมจืด 1-2 ช้อน (ใส่แก้ว) หลอดกาแฟ 3 หลอด ใบกล้วย 1 ก้าน ในขั้นตอนการทดลองให้เราพลิกใบตองเอาด้านล่างขึ้นมา (ตามภาพ)  อุปกรณ์ทดสอบสารจับใบ แบ่งการทดลองเป็น 3 ขั้นตอนคือ 1. ให้เราใช้หลอดกาแฟจุ่มลงในแก้วน้ำเปล่าประมาณ 1 ข้อมือ ปิดปลายหลอดอีกด้านหนึ่งไว้ แล้วนำน้ำในหลอดมาหยดลงใบกล้วย 1 หยด พร้อมกับสังเกตการเปลี่ยนแปลงของน้ำ น้ำเปล่า 2. ผสมน้ำยาล้างจาน 1 หยดกับน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากัน แล้วหยดลงใส่ใบกล้วย 1 หยด ให้ห่างกันพอประมาณ พร้อมกับสังเกตการเปลี่ยนแปลงของหยดน้ำ น้ำ + น้ำยาล้างจาน 3. ผสมนมจืด 1 หยดลงในน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากัน แล้วหยดลงใส่ใบกล