6 ขั้นตอนง่ายๆในการปลูกผักแบบปลอดสารพิษ ใช้ทุนต่ำ กำไร 10 เท่า

 6 ขั้นตอนง่ายๆในการปลูกผักแบบปลอดสารพิษ ใช้ทุนต่ำ กำไร 10 เท่า

การปลูกผักแบบปลอดสารพิษ เป็นแนวทางที่ผู้เขียนได้ดำเนินมาเป็นเวลาหลายปีนอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพแล้วยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังถือว่าเป็นกิจกรรมนันทนาการที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัวในระยะเวลาสั้นๆได้อีกด้วย

ผักคะน้าปลอดสารพิษ ปลูกไว้ในสวนเกษตรอินทรีย์

การปลูกผักแบบปลอดสารพิษเป็นแนวทางที่ผู้เขียนได้ดำเนินมาเป็นเวลาหลายปีนอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพแล้วยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังถือว่าเป็นกิจกรรมนันทนาการที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัวในระยะเวลาสั้นๆได้อีกด้วย

ซึ่งในบทความนี้ ผู้เขียนได้รวบรวมเคล็ดลับและวิธีการต่างๆแบบละเอียดจากประสบการณ์ตรงการปลูกผักตามแนวทางนี้ยังใช้ต้นทุนที่ต่ำมาก แต่ในทางตรงกันข้ามกลับให้ผลตอบแทนที่สูงมาก ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนในเชิงพาณิชย์อีกทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัดแต่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจเกษตรขนาดเล็กในครัวเรือนเป็นการฝึกฝนเรียนรู้ในการทำเกษตรแบบพื้นฐาน เพื่อพัฒนาต่อยอดสู่ความยั่งยืน และมั่นคงสำหรับครัวเรือนได้

ผักกาดขาวปลอดสารพิษ ปลูกไว้ในสวนเกษตรอินทรีย์

 
ซึ่ง 6 ขั้นตอนในการปลูกผักแบบปลอดสารพิษ ที่ผู้เขียนจะเล่าให้ฟังในบทความนี้ ผู้เขียนได้สรุปและรวบรวมจากประสบการณ์ตรงในการทำเกษตรมาหลายปี จนได้ข้อสรุป สามารถพิสูจน์และทดลองทำตามได้ ไปลุยพร้อมกันเลยครับ


6 ขั้นตอนง่ายๆ ในการปลูกผักแบบปลอดสารพิษมีดังนี้

1. เตรียมแปลงปลูกขนาดความกว้าง 1.1 เมตร ความยาว 40 เมตร ตากดินไว้ประมาณ 4-5 วัน

เตรียมแปลงปลูกขนาดความกว้าง 1.1 เมตร ความยาว 40 เมตร (สำหรับเมล็ดพันธุ์ผักกาด 1 ซอง 5,000 เมล็ด) ในการเตรียมแปลงปลูกควรสับหรือไถพลิกหน้าดินตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 4-5 วัน เพื่อกำจัดเชื้อโรคและเมล็ดของศัตรูพืชที่อยู่ในดิน การตากดินจะช่วยทำให้แปลงปลูกของเราสะอาด และเหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพืช

2. โรยแปลงปลูกด้วยปุ๋ยคอกหรือมูลไก่ 50 กิโลกรัม + แกลบเผาหรือขี้เถ้าจากเตาถ่าน อัตรา 5 กิโลกรัมต่อ 1 แปลง


หลังตากดินประมาณ 4-5 วัน ให้ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยมูลไก่ 50 กิโลกรัม+ขี้เถ้าจากเตาถ่านหรือแกลบเผาอย่างละ 5 กิโลกรัม หรือเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง นำมาโรยคลุกเคล้าให้เข้ากับดินในแปลง ตากดินทิ้งไว้อีกประมาณ 3 วัน หรือจะโรยคลุกเคล้าในช่วงเตรียมแปลงครั้งแรกก็ได้

3. กรีดร่องแปลงลึกประมาณครึ่งข้อมือ หรือประมาณ 2 เซนติเมตร ให้เป็นแถวห่างกันประมาณ 20 เซนติเมตร 

ก่อนหยอดเมล็ดผักลงแปลงควรกรีดร่องลึกประมาณครึ่งข้อมือ หรือประมาณ 2 เซนติเมตร ห่างกันประมาณ 20 เซนติเมตร จำนวน 4 แถว ซึ่งเป็นระยะห่างที่พอเหมาะในการเจริญเติบโตของผักกาด ทำให้ผักที่เราปลูกมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อีกทั้งการกรีดร่องปลูกที่ลึกพอ ก็จะช่วยให้เมล็ดผักที่เราปลูกได้รับความชื้นที่เพียงพอ ทำให้มีเปอร์เซ็นต์งอกที่สูงนั่นเอง

4. หยอดเมล็ดพันธุ์ผักลงแปลงให้มีระยะห่างพอประมาณ

ให้ทำการหยอดเมล็ดผักลงในร่องที่กรีดไว้ โดยให้มีระยะห่างประมาณ 2-3 ข้อมือ ไม่ให้เมล็ดผักงอกชิดกันเกินไป ซึ่งจะช่วยให้ต้นผักที่เราปลูกมีการเจริญเติบโตที่ดี แสงแดดส่องผ่านได้ทั่วถึง และมีลำต้นโตเสมอกันทั่วแปลง

5. คลุมแปลงด้วยเศษหญ้าแห้งรักษาความชื้น ป้องกันวัชพืช

หลังหยอดเมล็ดเสร็จให้ใช้เศษหญ้าแห้งหรือใบไม้แห้งคลุมแปลงไว้ เพื่อรักษาความชื้นและลดการระเหยของน้ำ อีกทั้งการคลุมดิน ยังช่วยลดปัญหาของการเกิดวัชพืชในแปลงปลูกของเราได้

 6. รดน้ำให้เกิดความชื้นสม่ำเสมอทั่วแปลง

หลังปลูกและคลุมแปลงเสร็จควรรดน้ำให้เปียกทั่วแปลง เพื่อกระตุ้นการงอกของเมล็ด และควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาความชื้นในดิน อาจจะวางเป็นระบบน้ำหยด 20 cm. ระหว่างกลางแถวปลูกตามแนวยาว ผ่านไปประมาณ 3-5 วัน เมล็ดผักที่เราปลูกก็จะเริ่มงอกเป็นต้นกล้าเล็กๆออกมาให้เห็น

การดูแลรักษา


หลังหยอดเมล็ดพันธุ์ผักลงแปลงประมาณ 3 -5 วัน ก็เริ่มงอกออกมาให้เห็น หลังเมล็ดงอกได้ประมาณ 10 วันให้ฉีดพ่นด้วยน้ำหมักชีวภาพสูตรหมักชนิดต่างๆที่เรามี เช่น น้ำหมักจากหน่อกล้วย น้ำหมักจาวปลวก จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง (อัตราส่วน 50 ซีซี/น้ำ 20 ลิตร) หรือปุ๋ยเกล็ดสูตร 46-0-0 (อัตราส่วนตามที่ระบุ แต่ไม่ควรเกิน 1 ช้อนแกงหรือ 20 ซีซี/น้ำ 20 ลิตร) ทุก 7 วัน เพื่อเพิ่มธาตุอาหารทางใบ ช่วยเร่งการเจริญเติบโต

 การฉีดพ่นฮอร์โมนหรือการให้ปุ๋ยทางใบอย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตให้พืชผักที่เราปลูกได้ และที่สำคัญควรรักษาความชื้นในแปลงปลูกอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พืชผักมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีลำต้นโตสม่ำเสมอ

หากมีการเตรียมแปลงปลูก และมีการบำรุงดูแลตามที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ผักที่เราปลูก ก็จะให้ผลผลิตพร้อมเก็บมารับประทานหรือจำหน่ายได้ ในระยะเวลาประมาณ 30 วันหลังปลูก จะได้ผักที่ปลอดสารพิษ กรอบ อร่อย น่ารับประทาน และที่สำคัญยังเก็บรักษาในรูปของผักสดได้นานอีกต่างหากครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง 3 เคล็ดลับ!ปลูกผักปลอดสารพิษ



Comments